หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อของ UPS กันมาบ้างว่ามันคือเครื่องสำรองไฟ แต่รู้หรือไม่ว่า UPS มีมากถึง 3 ประเภท แต่ละประเภทก็จะเหมาะกับอุปกรณ์ที่แตกต่างกันไป ถ้าคุณกำลังมองหา UPS ไว้ซักเครื่องล่ะก็ จะดีกว่ามั้ยถ้าเรารู้จักกับ UPS เพื่อเลือกให้เหมาะกับอุปกรณ์ของคุณ วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับเจ้า UPS กันครับ
UPS คืออะไร?
UPS ย่อมาจาก Uninterruptable Power Supply แปลตรงตัวก็คือ “แหล่งจ่ายไฟอย่างต่อเนื่อง” นั่นเอง เมื่อเกิดปัญหาไฟฟ้าจ่ายไฟไม่สมํ่าเสมอ ในกรณีนี้ UPS จะทำหน้าที่ปรับแรงดันไฟฟ้าที่ส่งผ่านให้คงที่ให้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่กับมันได้ จึงเป็นที่นิยมนำมาใช้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โน็ตบุ๊ค ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไฟดับหรือไฟตก อุปกณ์ของเราที่เชื่อมอยู๋กับตัว UPS จะยังไม่ดับทันที ซึ่งทำให้เราพอมีเวลาที่จะบันทึกงานและปิดเครื่องได้อย่างถูกค้องนั่นเอง
UPS มีกี่ประเภท?
UPS นั้นแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท แต่ละประเภทก็จะมีหน้าที่เหมือนๆกันนั่นก็คือ การปรับแรงดันไฟฟ้าของอุปกรณ์ให้คงที่และสำรองไฟไว้จ่ายให้กับอุปกรณ์ ในเวลาที่ไฟตกหรือไฟดับนั่นเอง
1.ประเภท Line interactive UPS with Stabilizer
UPS ประเภทนี้จะช่วยปรับแรงดันไฟฟ้าให้อัตโนมัติ เมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าผันผวนทำให้ไม่เกิดการกระชากของไฟเวลาที่ไฟตก ถ้าหากกระแสไฟฟ้าผันผวนที่เกิดขึ้นเป็นกระแสไฟฟ้าที่ไม่มากนัก UPS ประเภทนี้จะไม่ดึงเอาพลังงานมาใช้ ทำให้มีอายุการใช้งานค่อนข้างนานจึงเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมนั่นเอง
2.ประเภท Standard UPS
เป็นประเภทที่จะทำงานโดยการรับพลังงานจากไฟบ้านโดยตรง ทำหน้าที่แปลงพลังงานไฟให้เป็นกระแสสลับและสำรองไฟส่วนหนึ่งไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ ในเวลาที่กระแสไฟฟ้ามีความผิดปกติ UPS ตัวสับเปลี่ยนจะสลับแหล่งพลังงานไปใช้ไฟฟ้ากระแสสลับที่มาจากเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าส่งไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้ได้เฉพาะกรณีไฟดับเท่านั้น ไม่สามารถใช้แก้ปัญหาความผันผวนของกระแสไฟฟ้าแบบอื่นได้ อายุการใช้งานสั้น ราคาจึงถูกกว่า UPS ประเภทอื่นๆ
3. ประเภท UPS True Online
เป็นประเภทที่มีคุณภาพสูง เนื่องจากเป็นทั้งเครื่องประจุกระแสไฟฟ้าพร้อมทั้งเป็นตัวแปลงไฟฟ้าด้วย สามารถป้องกันความผิดปกติของกระแสไฟฟ้าได้ทุกกรณี ที่สำคัญเวลาตรวจเช็คการทำงานไม่จำเป็นต้องปิดอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ จึงเหมาะสำหรับการใช้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ต้องเปิดอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน ด้วยความที่มีคุณภาพสูงเช่นนี้ทำให้มีราคาสูงกว่าทุกประเภทที่กล่าวมาด้วยนั่นเอง
การเลือกซื้อ UPS
- เลือกรุ่น UPS ที่มีกำลังไฟสูงกว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่นำมาต่อพ่วงประมาณ 20% สำหรับการตรวจสอบค่ากำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จากฉลากของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีหน่วยตัวเลขเป็น Watt หรือ VA
- เลือก UPS ที่ใช้แบตเตอรี่ชนิด High-Rate เนื่องจากสามารถสำรองกระแสไฟฟ้าได้นานกว่าปกติประมาณ 20% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้พลังงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาต่อพ่วงด้วย
- เลือก UPS ที่เหมาะกับพื้นที่ที่นำไปใช้งาน หากเป็นพื้นที่ที่มีความแปรปรวนของกระแสไฟฟ้าสูง ควรเลือกแบบ True Online ที่ถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่า แต่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องกระแสไฟได้ทุกกรณี แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีความแปรปรวนของกระแสไฟฟ้าน้อยสามารถเลือกใช้แบบ Line Interactive หรือ Offline UPS ได้ตามความเหมาสม
สรุป
ยุคนี้เป็นยุคที่ใครต่อใครต่างก็ต้องใช้คอมพิวเตอร์ UPS จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับผู้ใช้งาน เพื่อรักษาและป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์หรืองานที่เรากำลังทำอยู่ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้อุปกรณ์ที่เราต้องใช้ในการทำงาน เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน หรือถ้ายังเลือกซื้อ UPS สเปคที่ใช่หรือถูกใจไม่ได้ เราก็มี 4 อันดับ UPS ราคาถูก ไว้ให้คุณแล้ว สามารถคลิกและเข้าไปเลือกชมสินค้าได้เลย แล้วพบกันใหม่ในบทความครั้งต่อไปครับ